|
|
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2566 11.25 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร นายเลอพงษ์ ซาร์ยีด และนายแซยึด มุมิน ตัวแทนประธานรัฐสภาในฐานะผู้ประสานงานกับทางฮามาสในอิหร่าน ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการเจรจาเพื่อให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันคนไทยที่ถูกจับตัวกลับมาสู่มาตุภูมิด้วยความปลอดภัย ภายใน เร็ว ๆ นี้ แต่ว่าจะปล่อยที่ไหนต้องศึกษาถึงความปลอดภัยก่อน
นายมุขฯ กล่าวว่า รายละเอียดที่พูดคุยกันเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ ทราบว่าคนไทยที่ถูกจับตัวไปมีความเป็นอยู่อย่างปลอดภัย แม้ว่าวันนี้จะยังไม่มีการหยุดยิง และที่ทางฮามาสได้ยืนยันมาตลอดเวลาของการเจรจาประสานงานคือ พร้อมที่จะส่งคนไทยกลับมา เพียงแต่ว่าจะส่งทันทีที่เห็นว่ามีความปลอดภัย วันนั้นถึงวันนี้ต้องยอมรับว่ามีการยิงกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยังไม่มีความปลอดภัย การปล่อยตัวประกันออกมายังทำไม่ได้ ที่เป็นไปได้ที่ดีที่สุดคือ ขอให้หยุดยิงซักระยะหนึ่ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทางอิสราเอลว่าจะยอมรับสิ่งเหล่านี้หรือไม่ มีการขอให้หยุดยิงตั้งแต่ครั้งแรกแต่ทางอิสราเอลไม่ยอม ครั้งล่าสุดขอให้หยุดยิง 72 ชม. แต่อิสราเอลก็ยังไม่ยอม แต่ขณะนี้มีโอกาสที่จะหยุดยิงนี้สูงขึ้นเพราะทั้งโลกกดดันอิสราเอลและเชื่อว่าจะมีการปล่อยตัวในเร็ว ๆ นี้ แต่จะปล่อยตัวในลักษณะอย่างใดนั้นไม่สามารถที่จะระบุได้เพราะยังไม่ชัดเจน แต่จะมีการปล่อยตัวอย่างแน่นอน ขอให้พี่น้องทุกคนมั่นใจได้ว่าคนของเราอยู่อย่างปลอดภัยและจะปล่อยตัวในเร็ว ๆ นี้โดยเฉพาะญาติพี่น้องของคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้ฟังวันนี้ก็ขอให้คลายความกังวลใจลง เรามีความเป็นห่วงพี่น้องคนไทยที่อยู่ที่นู่นทั้งที่ถูกจับและที่ไม่ถูกจับแต่ไม่ทราบว่าพี่น้องที่อยู่ที่นั่นเป็นห่วงตัวเองหรือเปล่า เหตุใดจึงไม่ยอมกลับมา การช่วยเหลือข้างเดียวย่อมไม่สำเร็จได้ ในขณะที่เราเป็นห่วงถ้าทางโน้นให้ความร่วมมือเมื่อไม่มีความปลอดภัยก็ควรจะกลับมาก่อน ต้องเป็นห่วงตัวเองก่อนที่คนอื่นจะเป็นห่วง ในขณะที่เราพยายามจะช่วยเราก็ต้องขอให้ท่านช่วยตัวเองเหมือนกัน
ด้าน นายเลอพงษ์ ซาร์ยีด นายกสมาคมนักเรียนเก่าไทย - อิหร่าน ในฐานะผู้ประสานงานกับทางฮามาสในอิหร่าน กล่าวถึงรายละเอียดของการเจรจาพูดคุยว่า หลังจากที่ได้รับดำริจากประธานรัฐสภาที่ได้ให้ประสานงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกจับกุมไปด้วยความห่วงใยของประธานรัฐสภาในฐานะพี่น้องมุสลิม จึงอยากมีส่วนร่วมผลักดันให้การช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับกุมไปดำเนินลุล่วงไปด้วยดี ทางเราเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ทุกชั่วโมง ทางฮามาสได้มาโดยพูดตลอดว่า จะปล่อยตัวแรงงาน พลเรือนทิศที่ถูกจับตัวไปแต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของความปลอดภัยทางด้านชีวิตและสถานการณ์ที่ต้องดีมากกว่านี้ เพราะทางอิสราเอลยิงถล่มโดยไม่เลือกว่าจะเป็นโรงพยาบาล โรงเรียน มัสยิดโบสถ์ และศูนย์ผู้อพยพต่างๆ ดังนั้นหากปล่อยตัวในช่วงวิกฤตแบบนี้เกรงว่าจะกระทบต่อชีวิตของเชลยศึกหรือตัวประกันที่ถูกจับตัวไป แต่นานาประเทศได้พยายามกดดันผ่านกลไกของสหประชาชาติ โดยมีมติต่าง ๆ เพื่อให้อิสราเอลประกาศหยุดยิงชั่วคราว และจะได้ปล่อยตัวตัวประกันและลำเอียงความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน แต่ครั้งแรกก็ถูกปฏิเสธจากสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล และชาติพันธมิตร 12 ชาติ หลังจากเมื่อวานนี้มีการประชุมอีกครั้งหนึ่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อให้มีการประกาศหยุดยิง 72 ชม. แลกกับการปล่อยตัวประกันหรือเชลยศึกที่ถูกจับกุมไปมีการช่วยเหลือลำเลียงทางด้านสิทธิมนุษยชน วันนี้เองฮามาสบอกว่าโรงพยาบาลที่อยู่ในฉนวนกาซาถูกทำลาย ไม่มีไฟ ไม่มีเวชภัณฑ์ แพทย์ได้ประกาศว่าอยู่ในขั้นวิกฤตสูงสุดผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลกำลังจะเสียชีวิต ดังนั้นหากมีการประกาศหยุดยิงชั่วคราว 3-5 วัน ก็จะมีการปล่อยตัวประกันเชลยศึกชาวต่างประเทศและคนอิสราเอลประมาณ 50 คน ซึ่งทางคณะทำงานของประธานรัฐสภาได้ประสานงานไปว่า 50 คนนี้ ขอให้เป็นคนไทยทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่เราผลักดันให้เกิดขึ้นภายในเร็ววันนี้และทางฮามาสรับปากว่าจะมีการปล่อยตัวและแจ้งว่าการถล่มหลายครั้งมีเชลยศึกของประเทศอื่น ๆได้เสียชีวิตไปบ้าง ส่วนแรงงานไทยไม่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิต แต่รับรองว่าปลอดภัยดูแลอย่างดี นี่คือสิ่งที่ฮามาสได้แถลงทุกครั้งที่มีการพูดคุยกัน ดังนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอีกไม่กี่วันจะได้รับข่าวดีเพื่อที่จะสร้างความปลื้มปิติสู่พี่น้องประชาชนคนไทย โดยเฉพาะครอบครัวของแรงงานทุกคนที่กำลังห่วงใยถึงชีวิตและความปลอดภัยของคนในครอบครัวเขาหรือหัวหน้าครอบครัวที่อยู่ในต่างประเทศ ดังนั้นคิดว่าไม่น่าเกิน 10 วันหรืออาจจะภายใน 2-3 วันนี้ จะมีการปล่อยตัว แต่จะปล่อยที่ไหนต้องศึกษาถึงความปลอดภัยก่อนซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางฮามาส แต่สิ่งที่ได้รับการยืนยันก็คือว่าหากมีการปล่อยตัวจะคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยและแรงงานไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในสิ่งที่ฮามาสให้ความสำคัญกับการพูดคุยครั้งนี้ คือประธานรัฐสภาและกับทางผู้นำฮามาสเป็นชาวมุสลิมด้วยกัน ทำให้การพูดคุยการเจรจาของทางทีมงานประธานรัฐสภาที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ทำให้มีน้ำหนักในฐานะที่เราเป็นมุสลิม คุยภาษาอาหรับด้วยกันสื่อสารและเข้าใจได้มากกว่า และพูดคุยในฐานะผู้ที่ขอร้องให้เห็นอกเห็นใจ เพราะเราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ฮามาสเองก็แถลงว่า ประเทศไทย แรงงานไทย และแรงงานของนานาประเทศไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่เกิดปัญหาตรงที่ว่าแรงงานต่างประเทศไปทำงานอยู่ในสถานที่ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ดังนั้นเมื่อบุกเข้ามาจำเป็นที่จะต้องจับแรงงานต่างประเทศเพราะถือว่ารุกรานในเขตพื้นที่ของเขา แต่จากคลิปที่มีการปล่อยตัว ตัวประกันได้ยืนยันว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทางฮามาส ซึ่งสิ่งนี้ตรงกับสิ่งที่ฮามาสยืนยันว่าจะดูแลคนที่จับกุมไป ซึ่งเค้าเรียกคนที่จับไปว่าเชลยศึก ศาสนาอิสลามให้ความสำคัญกับการดูแลเชลยศึกเป็นอย่างดี ในขณะที่อิสราเอลไม่ได้ให้ความสำคัญทางด้านมนุษยธรรมใด ๆ เลย แม้แต่การถล่มโรงพยาบาลทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต วันนี้นานาประเทศทั่วโลกได้ออกเดินขบวนเพื่อกดดันให้อิสราเอลยุติการถล่มฉนวนกาซา และห้ามขัดขวางการลำเลียงความช่วยเหลือทางด้านสิทธิมนุษยชน
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|