วันจันทร์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๔๕ นาฬิกา ณ บริเวณด้านหน้าห้องราชเทวีแกรนด์บอลรูม โรงแรมเอเชีย นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๘ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะเสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติจะต้องให้เวลาในการพิจารณามากเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นเมื่อร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จคือ ในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๘  คงต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกครั้งเนื่องจากเป็นร่างรัฐธรรมนูญสุดท้าย การทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติจึงแบ่งเป็น ๒ ช่วงซึ่งประเด็นการปฏิรูปหลักช่วงแรกต้องจัดทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม และช่วงที่สองจะมีเวลาในการพิจารณาอีกครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๘  จึงอยากแจ้งเตือนสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติให้วางแผนการทำงานให้ดี ทั้งนี้ ในการปฏิรูปบางเรื่องคงทำได้แล้วเสร็จโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการปฏิรูประบบและโครงสร้าง แต่กระบวนการปฏิรูปต้องเดินหน้าต่อไปอีกหลายปี เช่นเรื่องการศึกษาไทย อาจต้องใช้เวลา ๑๐ กว่าปี จึงจะปฏิรูปได้สำเร็จ เป็นต้น

จากนั้น เวลา ๑๓.๕๐ นาฬิกา นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการวิสัยทัศน์ประเทศไทย (VISION WORKSHOP) ณ โรงแรมเอเชีย ว่า สิ่งที่อยากจะเห็นต่อไปจากการทำงานปฏิรูปคือ ๑.อยากเห็นประเด็นหลักที่ต้องการปฏิรูปว่ามีประเด็นใดบ้างตามลำดับ ๒.ประเด็นการปฏิรูปนั้น ๆ มีเรื่องย่อยที่ต้องทำอะไรบ้างเรียงตามลำดับ  ๓.แต่ละเรื่องต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งที่กล่าวมายังอยู่ระหว่างดำเนินการ จากนี้เราคงต้องเร่งโดยแต่ละส่วนที่ทำปฏิรูปต้องชี้ชัดแล้วว่าการปฏิรูปซึ่งเปรียบกับต้นไม้ใหญ่คืออะไร ยกตัวอย่างเช่น ๑.การปฏิรูปการศึกษาเป็นต้นไม้ใหญ่ ๒.ในต้นไม้ใหญ่นี้มีกิ่งก้านอะไรบ้าง เช่นการศึกษาระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา และอาชีวศึกษา  ครูหลักสูตร การประเมินผล ฯลฯ  ๓. ในกิ่งนั้น ๆ มีแขนงอะไรบ้างที่ต้องปฏิรูปและในแขนงนั้น ๆ จะปฏิรูปอย่างไร ดังนั้น ต้นปฏิรูปที่เป็นต้นไม้ใหญ่จะมีทั้งหมดกี่ต้นจะต้องกำหนดออกมาให้แล้วเสร็จ และแต่ละต้นจะมีกิ่งก้านและแขนงที่ต้องปฏิรูปอย่างไร ซึ่งการกำหนดเรื่องที่จะปฏิรูปแต่ละเรื่องบางเรื่องคณะกรรมาธิการหลายคณะอาจต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้จะช่วยให้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนและเข้าใจตรงกัน การทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ