ชงครม.สั่งกรมศุลตรวจทุกตู้สกัดลักลอบนำเข้า'ซากขยะ'
Source - มติชน (Th)
Tuesday, June 05, 2018 04:22
18377 XTHAI XOTHER XFRONT MIDD DAS V%PAPERL P%MTCD
เพชรบุรีลุยตรวจลอบทิ้งขยะพิษ ผงะเจอผงสีดำกลิ่นเหม็นคลุ้งแสบจมูกแสบตาแน่นหน้าอก พบเป็นอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ ค่าแอมโมเนียในอากาศสูงเกินมาตรฐานหลายเท่าตัว
ลุยตรวจลอบทิ้งขยะพิษเพชรบุรี
กรณีชาวบ้านเนินไม้รัง หมู่ 5 ต.หนองชุมพล อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ร้องเรียนไปยัง อบต.หนองชุมพล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าพบมีผู้ลักลอบนำขยะสารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรมมาทิ้งในป่าละเมาะบ้านเนินไม้รัง ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง เกรงว่าจะเกิดปนเปื้อนลงแหล่งน้ำนั้น
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นายประดิษฐ์ แจ่มจันทร์ อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี นางนฤมล สุภาแพ่ง นายก อบต.หนองชุมพล นายอรรถวิทย์ วัชรบูรพานันท์ ปลัด อบต.หนองชุมพล พร้อมด้วยนายณัฐพงศ์ หอมจันทร์ นักวิชาการปฏิบัติการ จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบุรี น.ส.กุลลดา เอกบุญชู นักวิชาการชำนาญการ จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 8 (ราชบุรี) เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.15 และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุซึ่งห่างจากวิทยาลัยการอาชีพเขาย้อย หมู่ 5 ต.หนองชุมพล ประมาณ 500 เมตร มีการทำถนนลูกรังจากถนนสาย ต.หนองชุมพล-บ้านเขาไม้รัง ประมาณ 1 กิโลเมตร เข้าไปในป่าละเมาะ ป่าเนินไม้รัง พบมีการปรับถางพื้นที่เป็นที่ราบ กว้างประมาณ 1 ไร่ มีร่องรอยการขุดและฝังกลบสารเคมี ที่พื้นดินมีรอยไหม้ หลุมบ่อน้ำในพื้นที่มีปฏิกิริยาเคมี มีฟองน้ำเดือดตลอดเวลา ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นฉุน แสบจมูก แสบตา แสบผิวหนัง หายใจไม่สะดวกติดขัด แสบหน้าอก ใกล้เคียงพบซากต้นไม้ยืนต้นตายจำนวนมาก
เจอผงสีดำกลิ่นเหม็นแสบจมูก
จากการสอบถามนายผิว ปี่แก้ว อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 5 ต.หนองชุมพล อ.เขาย้อย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนเศษ พบมีการนำรถเข้ามาไถปรับทำทางจากถนนลาดยางมาถึงที่เกิดเหตุ และปรับพื้นที่ป่าละเมาะดังกล่าวให้เป็นที่เรียบ ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม เวลาประมาณบ่าย 2 โมง พบมีรถบรรทุกขนาดใหญ่จำนวนหลายคันเข้ามาในพื้นที่ นำสิ่งของทั้งแบบห่อด้วยถุงขนาดใหญ่ กว่า 30 ถุง และลักษณะเป็นผงสีดำจำนวนมากมากองทิ้งไว้ ก่อนมีการฝังกลบ ต่อมาพื้นที่เขาย้อยมีฝนตก ปรากฏว่าพื้นดินบริเวณดังกล่าวเกิดมีกลุ่มควันจำนวนมากคุกรุ่นออกมาจากใต้ดิน และเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแสบจมูก เมื่อเข้าใกล้จะรู้สึกแสบผิวหนัง แสบตา แน่นหน้าอกหายใจไม่สะดวก
เจ้าของที่เผยถูกบุกรุกทิ้งขยะ
ด.ต.สมหมาย แย้มเยือน ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกรวมของครอบครัว ยังไม่มีการแบ่งโฉนด ก่อนหน้านี้มีชายชื่อนายสมควร ติดต่อผ่านเพื่อนตำรวจมาว่าต้องการแบ่งเช่าพื้นที่จำนวน 20 ไร่ เป็นส่วนมรดกของมารดาของตน เพื่อไปทำโรงงานอัดอะลูมิเนียม มีการวางเงินมัดจำไว้ 25,000 บาท ชายดังกล่าวบอกว่าการก่อตั้งคงอีกนาน เนื่องจากต้องประสานขออนุญาตไปยังอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีการประชาคมในพื้นที่ หากยังไม่ได้รับการอนุญาตก็จะไม่มีการดำเนินการ แต่ต่อมาปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวกลับมีการถูกบุกรุกใช้เป็นแหล่งฝังขยะมีพิษ ตนและครอบครัวก็ไม่ได้ทราบเรื่อง เนื่องจากพื้นดังกล่าวอยู่ห่างไกลจากถนนไม่มีทางผ่าน จึงไม่ได้เข้ามาดูแลที่ดินบ่อยมากนัก แต่เมื่อทราบเรื่องก็ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เขาย้อย เพื่อให้ติดตามผู้บุกรุกดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายลักลอบนำขยะพิษมาทิ้งและดำเนินการแก้ไขแล้ว
เพชรบุรีชี้เป็นพื้นที่อันตราย
นายประดิษฐ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบคาดว่าสารเคมีดังกล่าวน่าจะเป็นขยะอุตสาหกรรมประเภทตะกรันอะลูมิเนียม หรืออะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ จากโรงงานที่ตั้งอยู่นอกพื้นที่ จ.เพชรบุรี เนื่องจากในพื้นที่เพชรบุรีไม่มีการดำเนินการโรงงานประเภทดังกล่าว ส่วนการดำเนินการกำจัดขยะพิษ ต้องตรวจสอบจุดกลบ เพื่อให้ทราบความลึกและจำนวนของกากอุตสาหกรรมว่าอยู่บริเวณใดบ้าง ก่อนจะขุดนำขยะพิษออกไปทำลายอย่างถูกวิธีให้มากที่สุด
นายณัฐพงศ์กล่าวว่า สารดังกล่าวเมื่อถูกน้ำจะเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลง เกิดลุกไหม้ ส่งกลิ่นเหม็น เบื้องต้นจากการตรวจสอบค่าแอมโมเนียในอากาศของสำนักงานสิ่งแวดล้อมที่ 8 พบว่ามีพื้นที่บางจุดมีค่าแอมโมเนียในอากาศสูงถึง 500 PPM ต่อ 2-5 วินาที สูงเกินกว่ามาตรฐานค่าปกติทั่วไปที่ห้ามเกิน 30 PPM ต่อ 1 นาทีไปหลายเท่าตัว พื้นที่ดังกล่าวจึงนับเป็นพื้นที่อันตรายหากมีผู้สัมผัสโดยตรง หรือสูดดมกลิ่นเป็นเวลานานจะเป็นอันตรายรุนแรง เบื้องต้นได้แนะนำให้ อบต.หนองชุมพล และหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ กั้นไม่ให้คนและสัตว์เข้าใกล้ และดำเนินการป้องกันแก้ไขอื่นๆ แล้ว
นางนฤมลกล่าวว่า อบต.หนองชุมพล จะเร่งดำเนินการขุดดินเป็นร่องล้อมรอบพื้นที่ดังกล่าวเพื่อป้องกันน้ำ จากสารพิษไหลซึมลงปนเปื้อน แหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อน้ำของชาวบ้าน ตลอดจนให้ปักกันเขต เตือนเป็นพื้นที่อันตรายป้องกันคนและสัตว์เข้าพื้นที่
อุตฯแถลงโรงงานกำจัดขยะ
ที่กระทรวงอุตสาหกรรม นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม เปิดแถลงข่าวเรื่องกรณีการลักลอบนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์ว่า ตามอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด อนุญาตให้ประเทศต่างๆ มีการส่งออกและนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศต้นทางที่ส่งออก รวมทั้งประเทศปลายทางที่รับนำเข้า และประเทศที่เป็นทางผ่าน สำหรับในประเทศไทยพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ และชลบุรี มีโรงงานขออนุญาตเพื่อดำเนินการกำจัดซากอิเล็กทรอนิกส์ 7 โรงงาน จากการตรวจสอบพบว่ากระบวนการนำเข้ามาถูกกฎหมายทั้งหมด แต่มี 5 โรงงานเมื่อนำเข้ามาแล้วไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงาน และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการนำเข้า มีโทษตามมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.โรงงาน ทั้งนี้มี 4 โรงงานมีการขนส่งซากอิเล็กทรอนิกส์ออกไปยังแหล่งอื่น ได้สั่งให้พักการใช้ใบอนุญาตโดยไม่สามารถที่จะนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์เข้าได้ พร้อมส่งดำเนินคดี
สั่งจัดทำแผนตรวจ3หมื่นโรง
นายสมชายกล่าวว่า อย่างไรก็ตามทั้ง 4 โรงงานยังสามารถดำเนินการกำจัดซากอิเล็กทรอนิกส์ได้ตามปกติเพราะโรงงานมีการดำเนินการตามมาตรฐาน ส่วนโรงงานที่รับซากอิเล็กทรอนิกส์ต่อนั้นได้แจ้งอุตสาหกรรมจังหวัดให้ดำเนินการเอาผิดแล้วเพราะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย เพราะโรงงานเหล่านั้นไม่มีใบอนุญาตครอบครอง และมีอีก 1 โรงงานต้องมีการดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามเงื่อนไขการนำเข้า ส่วนโรงงานอีก 26 รายที่เป็นโรงงานบดย่อยและรีไซเคิลขยะพลาสติกที่มีการนำเข้าไม่ตรงตามที่ขออนุญาตไว้นั้น เบื้องต้นมีพบการกระทำผิด 2 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ ได้แจ้งการกระทำความผิดฐานสำแดงเท็จตาม พ.ร.บ.ส่งออกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522 เป็นกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ มีโทษจำคุก 10 ปี และปรับ 2 แสนบาท นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้สภาอุตสาหกรรมทุกจังหวัด กรมโรงงานอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดทำแผนงานตรวจสอบโรงงานทั้งหมดกว่า 3 หมื่นโรงงานทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 31 สิงหาคมนี้
ชงครม.ให้กรมศุลฯตรวจทุกตู้
"ใบอนุญาตนำเข้าจะมีอายุ 1 ปี หากบริษัทเดิมเคยดำเนินการผิดกฎหมายมาขออนุญาตก็จะไม่ให้ใบอนุญาตใหม่ คล้ายกับการแบล๊ก ลิสต์ แต่กฎหมายของกระทรวงไม่มีการเขียนเรื่องแบล๊กลิสต์ไว้ ทั้งนี้ จากเดิมการนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติกต่างๆ จากเดิมเป็นการสุ่มตรวจจะมีการประสานกับกรมศุลกากรให้มีการตรวจตู้คอนเทนเนอร์ทุกตู้ ทั้งนี้จะมีการนำเสนอรายละเอียดการดำเนินการต่างๆ ข้างต้นต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 มิถุนายนนี้ด้วย" นายสมชายกล่าว
นายสมชายกล่าวว่า นอกจากนี้จะมีมาตรการ โดยมาตรการระยะสั้น คือ 1.ให้มีการตรวจสอบโรงงานที่มีการประกอบกิจการถอดแยกและบดย่อยอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่แจ้งประกอบกิจการและไม่แจ้งประกอบกิจการจำนวน 148 โรงงาน รวมทั้งโรงงานบดย่อยและรีไซเคิลขยะพลาสติกที่มีการนำเข้าเศษขยะพลาสติกจากต่างประเทศจำนวน 26 โรงงาน 2.กำหนดเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตโรงงานลำดับที่ 106 กำหนดให้มีการนำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นวัตถุที่อันตรายเข้ามาในราชอาณาจักร ต้องดำเนินการตามอนุสัญญาบาเซล 3.กำหนดหลักเกณฑ์การสั่งพักใช้/เพิกถอนใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตราย (วอ.4) ให้เหมาะสมกับสภาพความรุนแรง
กรมโรงงานติดจีพีเอสท่าเรือ
นายสมชายกล่าวว่า 4.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ 5.บูรณาการความร่วมมือการนำเข้ากับกรมศุลกากร เพื่อตรวจสอบนำเข้าซากอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเศษพลาสติกทุกกรณี ส่วนมาตรการระยะยาว จะมีการทบทวนการนำเข้าวัตถุอันตรายว่าควรจะมีการนำเข้าอีกหรือไม่ และจัดหาแนวทางให้มีการควบคุมอันตรายจากท่าเรือไปยังสถานที่ปลายทางหรือสถานที่ที่ได้รับอนุญาต
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงาน กล่าวว่า ปกติประเทศไทยมีการนำเข้าและส่งออกซากอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว เพราะมีบางส่วนที่เทคโนโลยีในประเทศยังไม่สามารถดำเนินการได้ก็ส่งออกไปยังต่างประเทศ ขณะที่การนำเข้ามาก็สามารถนำซากอิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้นมา สร้างมูลค่าได้ ปี 2560 ที่ผ่านมา มีการนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์ 5.3 หมื่นตัน ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีการนำเข้า 3.7 หมื่นตัน ส่วนการส่งออกปี 2560 อยู่ที่ 4.3 แสนตัน ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้มีอยู่ 1.3 แสนตัน สำหรับมาตรการจัดหาแนวทางให้มีการควบคุมอันตรายจากท่าเรือ ไปยังสถานที่ปลายทางหรือสถานที่ที่ได้รับอนุญาตนั้น จะมีการติดตั้งระบบจีพีเอสเพื่อตรวจสอบ โดยจะเริ่มดำเนินการต่อไปเร็วๆ นี้
บรรยายใต้ภาพ
สมชาย หาญหิรัญ
--จบ--
--มติชน ฉบับวันที่ 6 มิ.ย. 2561 (กรอบบ่าย)--