"พีระศักดิ์"นำทีมสนช.พบปชช.เมืองตรัง
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์ (Th)

Saturday, April 29, 2017  17:38
46149 XTHAI XPOL POL V%NETNEWS P%WDN

          เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่หอประชุมโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.ตรัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำโดยนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 พร้อมด้วยสมาชิก สนช. สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และตัวแทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งหารือกับส่วนราชการต่างๆ เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคด้านต่างๆ ตามโครงการ สนช.พบประชาชน ภายใต้เป้าหมาย “สะท้อนปัญหา นำพาแก้ไข ห่วงใยประชา”
          นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่แต่ละครั้งของสนช.ก็เป็นสะพานเชื่อมแม่น้ำ 5 สายในการรับฟังปัญหาของประชาชน ซึ่งก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ปัญหาต่างๆ ที่แก้ไขไม่ได้สะสมมานาน ผ่านมา 3 ปี ปัญหาต่างๆ ก็ได้รับการแก้ไขได้ รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ขับเคลื่อนเติบโต ขณะที่ด้านความมั่นคงก็เดินหน้าไปสู่ความปรองดอง ส่วนการเลือกตั้งใหญ่นั้นเป็นนโยบายของคสช.อยู่แล้วแต่จะเลือกเร็วช้า ก่อนหรือหลังการเลือกตั้งท้องถิ่น ทาง คสช.จะประเมินสถานการณ์ ซึ่งอาจจะเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนก็ได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมาย ส่วนความเป็นห่วงเรื่องของการยุบรวมองค์การบริหารส่วนตำบลยืนยันเป็นเพียงข้อเสนอของสปท.ขณะนี้ยังไม่มี
          ด้านนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ สนช.และที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวว่า สนช.มีหน้าที่หลักในการออกกฎหมาย โดยขณะนี้อออกฏหมายไปแล้ว 239 ฉบับ ซึ่งถือว่ามากกว่ายุคส.ส.และส.ว. โดยกฎหมายที่ออกไปนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน ซึ่งในภาวะปกติกฎหมายบางฉบับก็ไม่สามารถออกได้ อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญ ม.77 ได้กำหนดเรื่องของการออกกฎหมายที่ต้องรับฟังความเห็นจากประชาชน วิเคราะห์ผลกระทบ ผลดี ผลเสียและต้องเปิดเผยผลวิเคราะห์ความเห็นให้ประชาชนรับทราบ อย่างไรก็ตามภายหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ทุกอย่างก็เดินหน้าไปตามโรดแม็พเพื่อให้มีการเลือกตั้ง โดยสนช.จะต้องออกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ที่มีเวลาบังคับภายใน 240 วัน คาดว่าจะเสร็จสิ้นได้ภายในเดือน ก.พ. 2561 จากนั้นก็ต้องส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ มีเวลา 10 วัน หากเห็นไม่ตรงกันก็มีเวลาแก้ไข 10 วัน ซึ่งจะเสร็จสิ้นกระบวนการนี้ในเดือน มี.ค. เมื่อแก้ไขเสร็จเรียบร้อยก็นำร่างพ.ร.ป.ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธยภายใน 90 วัน ก็น่าจะประมาณเดือน มิ.ย. และเมื่อประกาศใช้ พ.ร.ป.แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีเวลา 150 วันในการเตรียมการจัดการเลือกตั้ง โดยคาดว่าจะมีการเลือกตั้งภายในเดือน พ.ย.หากไม่มีเหตุใดเปลี่ยนแปลงหรืออาจเร็วกว่านั้น.

          ที่มา: http://www.dailynews.co.th