คอลัมน์: มุมบริการ: การอำนวยความสะดวกคนไทย ในนครมักกะห์และเมืองเจดดาห์
Source - มติชน (Th)
Friday, March 31, 2017 05:38
ตามที่มีกรณีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มอ้างว่า มีทุนจากต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือผู้แสวงบุญในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในราคาถูก โดยให้ผู้แสวงบุญออกค่าใช้จ่าย 1 ใน 4 (หรือประมาณ 65,000 บาท) ซึ่งมีประชาชนชาวไทยมุสลิมบางส่วนเข้าร่วมและชำระเงินไปแล้ว แต่เมื่อตรวจสอบในระบบยืนยันสิทธิผู้มีสิทธิ เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของปี พ.ศ.2560 แล้ว ไม่มีชื่อปรากฏในบัญชีของสำนักเลขาธิการฯ นั้น
กรมการปกครองในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศ ไทย ขอแจ้งข้อเท็จจริง ดังนี้
1.การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่นคร มักกะห์ของชาวไทยมุสลิม จะต้องมีการลงทะเบียน และชำระเงินประกันการเดินทางผ่านระบบออนไลน์ของสำนักเลขาธิการฯเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ได้ปิดระบบลงทะเบียนสำหรับผู้แสวงบุญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา
2.ในการไปประกอบพิธีฮัจย์มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่สำนักงานเลขาธิการฯ เรียกเก็บจากผู้แสวงบุญผ่านทางผู้ประกอบการ เป็นเงินจำนวน 68,000 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าโดยสารเครื่องบินไป-กลับ ประมาณ 37,000 บาท และที่เหลืออีก 31,000 บาทจ่ายให้กับรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เป็นค่าพาหนะและการบริการภายในประเทศซาอุดีอาระเบีย จำนวน 20,000 บาท และค่าอาหารที่เมืองมักกะห์และมาดีนะห์ จำนวน 11,000 บาท นอกจากนั้น จะมีค่าใช้จ่ายอีกจำนวนหนึ่งที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บจาก ผู้แสวงบุญ เพื่อเป็นค่าบริการอื่นตามโปรแกรมที่ผู้ประกอบการจัดไว้เป็นการเพิ่มเติม
3.ในการบริการนำพาผู้แสวงบุญไปประกอบ พิธีฮัจย์นั้น จะต้องดำเนินการโดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 106 รายเท่านั้น โดยสำนักเลขาธิการฯ ได้ประกาศรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตบนหน้าเว็บไซต์ https://www.hajthailand.net/ ดังนั้น จึงขอให้จังหวัดและอำเภอได้แจ้งเตือนไปให้ประชาชน ที่ประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ประจำปี พ.ศ.2560 อย่าตกเป็น เหยื่อของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อาจแอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในรูปแบบต่างๆ ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ.2560 ได้ที่กองส่งเสริมองค์กรศาสนาอิสลามและกิจการฮัจย์ กรมการปกครอง โทร 02-221-0152-8 ต่อ 3186 หรือ https://www.hajthailand.net/ทั้งนี้ อธิบดีกรมการปกครองขอเน้นย้ำไปยังปลัดจังหวัดและนายอำเภอ ทุกอำเภอ ให้ดำเนินการ ดังนี้
1.แจ้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำทางศาสนาอิสลามในพื้นที่ ได้แก่ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด อิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่น เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงข้างต้นไปยังพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่อย่างทั่วถึง
2.ในกรณีที่มีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว หรือในลักษณะอื่นใดอันเนื่องมาจากการไปประกอบพิธีฮัจย์ ให้ผู้ได้รับความเสียหายหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ หรือร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหรือจังหวัด และใช้กลไกของศูนย์ธรรมในการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก ให้ผู้ได้รับเสียหายได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็วและเร่งรัดการดำเนินคดี เพื่อนำตัวผู้หลอกลวงมาลงโทษอย่างเด็ดขาด
3.ให้สืบเสาะข่าวสารในพื้นที่ว่ามีการหลอกลวงผู้ประสงค์จะไปประกอบพิธีฮัจย์ในลักษณะอื่นๆ อีกหรือไม่ ถ้ามีก็ให้ดำเนินการเข้าไปดูแลและเยียวยาผู้ถูกหลอกลวงโดยเร็ว ตลอดจนดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และรายงานให้กรมการปกครองทราบด้วย
--จบ--
--มติชน ฉบับวันที่ 1 เม.ย. 2560 (กรอบบ่าย)--